ชื่อเอนทรี่นี้เรียกง่าย ๆ ว่า สสส. นะคะ /ตรึ่งแช่
สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งกับ
..นะคะ ヾ(@°▽°@)ノ
จากเอนทรี่ที่แล้วเราก็เขียนเล่าเรื่องโดยรวมของทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปแล้ว
สำหรับวันนี้ก็จะมาเล่าเรื่องของการสมัคร สอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์กันล่ะ !
แต่ก่อนจะพูดถึงทีละขั้นตอน มาดูลำดับเวลากันดีกว่าค่ะ
งงมั้ย ? ไม่งงกันหรอกเนอะ /สั่น (อาจมีการเปลี่ยนแปลงนะคะ อันนี้อิงจากทุนปี 2014) |
จะเห็นได้ว่า
- ช่วงสมัครสอบจะเป็นช่วงเดียวกันนะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้น สามารถสมัครทุนป.ตรีพร้อมกับทุนวิชาชีพ / วิทยาลัยเทคโนฯได้นะคะเพราะสอบคนละวันกัน แต่ลงสอบวิชาชีพพร้อมกับเทคโนฯไม่ได้นะ !!
- ทุนป.ตรีสอบข้อเขียนเร็วมาก สมัครต้นมิถุนายนสอบปลายมิถุนายน ส่วนวิชาชีพ/วิทยาลัยเทคโนฯสอบหลังจากนั้นราว ๆ เดือนนึงแน่ะ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังตัดสินใจจะสอบรีบตัดสินใจและรีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่านะคะ โดยเฉพาะป.ตรี TvT
- ในทางกลับกัน วันประกาศผลข้อเขียนกับวันสอบสัมภาษณ์ของป.ตรีทิ้งช่วงค่อนข้างนาน(เกือบ ๆ เดือนนึง)ในขณะที่ทุนวิชาชีพ/วิทยาลัยเทคโนฯ ... หกวันค่ะ ปั่นพอร์ตกันมือหงิกเลยทีเดียวนี่พูดเลย /ซีด
- สามสาขานี้ประกาศผลสัมภาษณ์วันเดียวกันค่ะ ของป.ตรีคือสองวันหลังจากนั้น ส่วนอีกสองสาขาก็สัมภาษณ์ปุ๊บวันถัดมาประกาศเลยค่ะ คือดี
- แต่หลังจากนั้นก็อย่าเพิ่งโล่งใจนะคะ เห็นคำว่า ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการส่งชื่อจากสถานทูตญี่ปุ่น ไหมคะ ?
มันแปลว่าเรายังต้องรอผลการตัดสินใจจากรัฐบาลญี่ปุ่นอีกสี่เดือนไงคะ คะ คะ ...
(เดี๋ยว อย่าเพิ่งกดปิดบล็อกสิ)
จนถึงตอนนั้นก็คือต้องใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กันต่อไปค่ะ ปีนี้ประกาศผลช่วงกลาง ๆ เดือนธันวาคมทางจดหมาย (ปกติผลข้อเขียนและสัมภาษณ์จะประกาศผลทางเว็บไซต์)
และนั่นล่ะค่ะคือลำดับขั้นตอนแบบคร่าว ๆ ของทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
ต่อไปจะพูดถึงแต่ละขั้นตอนละนะ !
_______________________________________________________
1. สมัครสอบ
ก่อนจะสอบ เราก็ต้องสมัครสอบก่อนสิ
สำหรับใบสมัคร สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่น(สำหรับทุนปริญญาตรี)และเว็บไซต์ของสำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการชื่อยาวจังวุ้ย(สำหรับทุนวิชาชีพ/วิทยาลัยเทคโนฯ) โดยจะมีให้ดาวน์โหลดในช่วงรับสมัคร(พฤษภา-มิถุนา)ค่ะ
นอกจากใบสมัคร(เรียกใบอาจจะไม่ถูก เรียกปึกสิดี มีตั้งสี่ห้าหน้า...)เอกสารที่ต้องเตรียมไปมีดังนี้
1. รูปถ่าย(4.5*3.5 ซม.) 3 ใบ เขียนชื่อไว้หลังรูปกันรูปหลุดหายด้วยค่ะ
2. ผลการเรียน หรือ Transcript ตัวจริง 1 ชุด ระบุผลการเรียน 5 เทอม ฉบับภาษาอังกฤษ (GPA รวม ต้องได้เกินเกณฑ์ที่กำหนดนะคะ)
3. ใบรับรองความเป็นนักเรียน ตัวจริง 1 ใบ ฉบับภาษาอังกฤษ ต้องระบุด้วยว่าจะจบการศึกษาในเดือนมีนาของปีหน้า (ระบุเป็นวันได้ก็จะดี) เวลาขอเอกสารต้องชี้แจงและเน้นย้ำต่อห้องทะเบียนมาก ๆ นะคะ
4. ใบ Certificate ของผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT) สำเนา 1 ใบ (ถ้ามี)
สำหรับวิธีการกรอกใบสมัครสอบ สามารถดูบล็อกนี้เป็นแนวทางได้เลยค่ะ เขียนไว้ค่อนข้างละเอียด ตอนเราสมัครก็อิงจากของพี่เขาล่ะ :D
ที่สำคัญ ๆ ก็คือ
- ถ้าเป็นไปได้ เขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ลายมือเรียบร้อยจะดีมากค่ะจะได้อ่านได้ง่าย
- อย่าลืมวงช่องที่ระบุว่าส่งที่จังหวัดไหนนะคะ (มุมขวาบน)
- ช่องที่ให้เขียนเหตุผลยาว ๆ : ร่างจากกระดาษข้างนอกดูก่อนนะคะ อย่ารีบ ค่อย ๆ เกลาไป อย่าเขียนตามที่คิดลงใบสมัครทันทีเพราะเกิดไม่ถูกใจหรืออะไรขึ้นมา นั่นคือหายนะ... orz ควรมีรอยแก้ให้น้อยที่สุดนะคะ
แบบร่างของเรา(ฉบับป.ตรี)เองล่ะ ร่างแบบงง ๆ ของจริงออกมาก็งง ๆ ตาม(ฮา) |
สำหรับการไปส่งใบสมัครก็แล้วแต่สาขานั้น ๆ ระบุไว้เลยค่ะ
แนะนำสำหรับคนที่ไปส่งใบสมัครทุนป.ตรี ไปตั้งแต่วันแรก ๆ น่าจะดีกว่านะคะ เพราะคนเยอะมาก มากถึงกับมีรับบัตรคิวเลยทีเดียว นั่งเหี่ยว ๆ อยู่นานกว่าจะได้ส่งใบสมัคร ที่ต้องรอเพราะเขาจะมีตรวจความเรียบร้อยของเอกสารด้วยค่ะ ระหว่างรอเราก็ตรวจดูและจัดเรียงเอกสารให้เรียบร้อยซะ
อ้อ ตรงนั้นจริง ๆ แล้วจะมีตัวอย่างการเขียนใบสมัครให้ด้วยล่ะ เพื่อความมั่นใจไปเทียบกับตรงนั้นอีกทีก็ได้นะ
เมื่อส่งเอกสารการสมัครสอบแล้ว ก็เสร็จเรียบร้อยไปขั้นตอนนึงแล้วล่ะ !
_______________________________________________________
2. สอบข้อเขียน
หลังจากนั้นทางเว็บไซต์จะมีประกาศสถานที่สอบ
ต่อจากนี้จะเป็นสนามใหญ่แล้วล่ะค่ะ
แนะนำให้ไปถึงสนามสอบ 1 ชม. ก่อนเวลาสอบนะคะ ไม่รู้ว่ารถจะติดรึเปล่า ไปก่อนก็มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจหน้าห้องสอบ สำรวจพื้นที่ หาห้องน้ำ ทบทวน ฯลฯ มีเวลาเหลือดีกว่ารีบ ๆ มาแล้วเหนื่อยทำข้อสอบไม่รู้เรื่องนะคะถถถ
ต่อจากนี้จะเป็นสนามใหญ่แล้วล่ะค่ะ
แนะนำให้ไปถึงสนามสอบ 1 ชม. ก่อนเวลาสอบนะคะ ไม่รู้ว่ารถจะติดรึเปล่า ไปก่อนก็มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจหน้าห้องสอบ สำรวจพื้นที่ หาห้องน้ำ ทบทวน ฯลฯ มีเวลาเหลือดีกว่ารีบ ๆ มาแล้วเหนื่อยทำข้อสอบไม่รู้เรื่องนะคะถถถ
สำหรับวิชาที่ใช้สอบ ได้บอกในเอนทรี่ที่แล้วนะคะสำหรับแต่ละสาขา
วิชาที่ใช้สอบข้อเขียน
สาขาปริญญาตรี :
สายวิทย์ - อังกฤษ เลข เคมี ฟิสิกส์/ชีวะ(แล้วแต่สาขาที่เลือกสอบ)
สายศิลป์ - อังกฤษ เลข
วิทยาลัยเทคโนฯ : อังกฤษ เลข ฟิสิกส์/ชีวะ
วิชาชีพ : อังกฤษ เลข
(สามารถเลือกสอบภาษาญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งไม่มีผลต่อคะแนนสอบข้อเขียน)
สำหรับการสอบข้อเขียน สาขาปริญญาตรีจะยากกว่าวิทยาลัยเทคโนฯกับวิชาชีพค่ะ (ความเห็นเด็กสายศิลป์เช่นเรา : โดยเฉพาะเลขค่ะ คือมันแบบฟฟฟฟฟหกด่าสว)
ทางที่ดีที่สุดนะคะ ควรเตรียมตัวโดยการทำข้อสอบเก่าเยอะ ๆ ค่ะ ข้อสอบมักจะออกแนวเดียวกันหรือใกล้เคียง ซึ่งข้อสอบเก่านั้นก็ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน สามารถเข้าไปดาวน์โหลดข้อสอบเก่าได้ ที่นี่ ค่ะ
สะดวกดีเนอะ :^D
edit : รู้สึกเหมือนควรเขียนเพิ่มเติมอีกนิด อันนี้ความรู้สึกเรานะ
ข้อสอบภาษาอังกฤษ เราว่าเน้นเรื่องการอ่านและความเข้าใจ เพราะงั้นศัพท์ก็สำคัญนิดนึง แต่ศัพท์ไม่ยากมาก ข้อสอบประมาณ CU-TEP (?) แต่ลองทำข้อสอบเก่าล่ะชัวร์สุดละ
ข้อสอบเลขนี่แบบ อัลไลลลลล คือมันเป็นเรื่องที่เราไม่ได้เรียนเลยแอบช่วยไม่ได้ orz แนะนำให้เปิดข้อสอบเก่าแล้วจดสูตรที่ใช้ในโจทย์ข้อสอบเก่า เพราะส่วนใหญ่ก็ออกคล้าย ๆ กัน
(อ้อ ข้อสอบเลขเป็นเติมคำ ส่วนอังกฤษเป็นเลือกช้อยส์นะ)
ส่วนข้อสอบญี่ปุ่น(คือเราเลือกสอบมา) จะแบ่งเป็นสามพาร์ทค่ะ พาร์ทแรกประมาณ N5-ต่ำกว่า N4คือไม่ยากนะ ส่วนพาร์ทสองนี่ N3 ละ พาร์ทสามนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ราว ๆ N2-N1 ได้มั้ง เอื้อห์
ถามว่าทำได้เท่าไหร่ พาร์ทแรกกับพาร์ทสองนิด ๆ ค่ะ ตอนนั้นคือเดี้ยง
_______________________________________________________
3. สอบสัมภาษณ์
มาถึงขั้นตอนหลัก ๆ ขั้นสุดท้ายแล้วค่ะ ' สอบสัมภาษณ์ '
สำหรับคนที่ผ่านการสอบข้อเขียนมาได้นี่ก็ถือว่าเจ๋ง ๆ มากแล้วล่ะค่ะ เอ้าสู้ต่อไป
คือจริง ๆ แล้วเราก็ไม่รู้จะแนะนำเรื่องการสอบสัมภาษณ์ยังไง(ป่อย) เอาเป็นหลัก ๆ ละกันนะคะ
พอร์ตตอนสัมภาษณ์สาขาวิชาชีพค่ะ มีคนแนะนำว่าทำแบบเป็นตัวของตัวเอง ก็จัดไปค่ะ(...) |
- ลองตั้งคำถามถามตัวเองซ้ำ ๆ จากประวัติส่วนตัวและสิ่งที่ตัวเองเขียนลงใบสมัครค่ะ แล้วเวลาตอบให้ตอบโดยพูดออกมา จะช่วยให้หายประหม่าบ้างแหละ
- ฝึกแนะนำตัว เป็นภาษาอังกฤษ (และภาษาญี่ปุ่นถ้าพูดได้) พูดบ่อย ๆ ค่ะพูดบ่อย ๆ จะได้จำได้เป็นแพทเทิร์นเลย ถึงมันจะดูไร้สาระไปนิดแต่การแนะนำตัวก็สร้างความประทับใจแรกได้ดีนะ !
- นั่งด้วยบุคลิกภาพที่ดี หลังตรง สบตาผู้สัมภาษณ์เป็นระยะ ๆ (ผู้สัมภาษณ์มีหลายคน) เวลาพูดอาจจะใช้ภาษากาย (ใช้มือประกอบ) บ้าง แต่ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องกว้าง
- ถ้าจะให้ดี ลองหาคนมาช่วยฝึกจะดีมากเลยค่ะ ให้เขาลองนั่งประจันหน้ากับเราแล้วฝึกพูด แล้วค่อยให้เขาชี้ว่าเราต้องแก้ตรงไหนบ้าง บางทีมุมมองจากคนอื่นก็ช่วยได้มากเลย
อืม ไม่รู้จะแนะนำอะไรจริง ๆ นะแหละ 555555 แต่รวม ๆ ก็ประมาณนี้ล่ะ
หลังจากผ่านสัมภาษณ์แล้วทำยังไง ? หลังจากนั้นเราจะได้เขียนใบสมัครรอบใหม่เพื่อส่งไปยังรัฐบาลญี่ปุ่นค่ะ (แต่ไม่ใช่ว่ารอบแรกเราจะเขียนมั่ว ๆ แล้วถ้าผ่านค่อยรอแก้ทีหลังนะ เพราะบางครั้งคนสัมภาษณ์ก็ถามจากข้อมูลในใบสมัครเรานี่ล่ะ) หลังจากนั้นก็รอ รอ และรอค่ะ เป็นขั้นตอนที่ยากสุดละเอาจริง TvT
_______________________________________________________
ขั้นตอนโดยรวมก็มีประมาณนี้ล่ะนะ
ครั้งหน้า(คิดว่า)จะเล่าเรื่องประสบการณ์การไปสอบของตัวเองนี่ล่ะ
ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะดีเลิศนะคะ ค่อนข้างออกไปทางกากถถถถถถ
ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านจนถึงตอนนี้ และหวังว่าจะช่วยในการเตรียมตัวในการสอบไม่มากก็น้อยนะคะ
สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ
(●´∀`●)
0 comments:
Post a Comment